Vocaburary
When you have completed reading this post you will understand my babbling, but to do so I will tell you a little bit about myself.
| ||
06/02/2009
What Is Your Favorite Flower?
02/02/2009
savoir ou connaitre
-Savoir est utilisé pour des faits, des choses connues par coeur, ou des capacités.
Ex : Je sais ma leçon = Je l'ai apprise par cœur
Ex : Laisse-moi!!! Je sais le faire!
-.Suivi d'un infinitif, il indique 'le savoir' 'comment faire quelque chose'
Ex : Je sais nager
Connaître est utilisé pour les gens et place et représente une connaissance personnelle ou familiarité
Ex : Je connais mes voisins.
Ex : Je connais Paris
La différence étant parfois difficile repérez vous à ceci:
Connaître=>
-n'est jamais suivi d'un verbe
- ni d'un petit mot comme ' que/ qui/ où./quand/ pourquoi/comment/ si ..
Savoir =>
-En langage usuel il n'est pas suivi d'un groupe nominal (sauf en poésie parfois)
- Il est souvent suivi par les mots : ' que/ qui/ où./quand/ pourquoi/comment/ si...
Ex : Je sais que je dois partir.
-Lorsqu'il n'est pas suivi par ces mots vous trouverez derrière un verbe à l'infinitif.
Ex: Je sais chanter.
Questions:
Veux-tu lire ce livre ? Non je le _________________ déjà.
C'est un ancien dans l'entreprise il ________________toutes les ficelles du métier.
Je n'ai pas peur d'être interrogé, je ________________ma leçon.
Luc __________________ bien le chemin qui le sépare de l'école.
Il __________________ bien que, si on le retrouve, il sera puni.
Je vais découvrir mon nouveau professeur, je ne le _____________ pas encore.
Je ne ______________ pas quand je reviendrai à la maison.
En fait je _______________ne pas la date exacte de mon retour.
Cet enseignant ________________ écouter ses élèves,
Il les ______________ tous individuellement.
Est-ce que tu ____________________ les dernières mesures prises par le patron?
Je _____________________________ qu'elles vont être affichées demain par la secrétaire.
REPONSES:
connais
connaîtsais
connaîtsait
connaissaisc
onnaissait
connaît
connaissais
รวมเคล็ดลับการอ่านหนังสือให้ได้ผล
10 เคล็ดลับ จำง่าย การอ่านหนังสือสอบ CoolYellLaughing
2. นั่งสมาธิสัก 5 นาที 3. อ่านหนึ่งรอบ แล้วสรุป โดยไม่เปิดหนังสือ 4. เช็คคำตอบ 5. อ่านอีกหนึ่งรอบ 6. สรุปใหม่ เปิดหนังสือได้เอาไว้อ่าน 7. ถ้าทำเป็น Mind Mapping จะอ่านง่ายขึ้น 8. มีเอกสารอะไรที่ครูแจก อย่าคิดว่าไม่สำคัญ 9. ท่องในส่วนที่ครูพูดย้ำบ่อยๆ อย่างน้อย 2 ครั้ง/คาบ 10. ก่อนวันสอบ ห้ามหักโหมอ่านหนังสือถึงเที่ยงคืน เพราะสมองจะไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น 5 เคล็ดลับการอ่านหนังสือสอบวิธีอ่านหนังสือ แบบว่าอยากสอบผ่าน....
---------------------------------- |
13/01/2009
La francophonie
Vocabulaire
| ||
09/01/2009
มหัศจรรย์นโยบายปฏิรูปจีน
เอเอฟพี – การปฏิรูปเศรษฐกิจที่เริ่มขึ้นบนแดนมังกรเมื่อ 30 ปีก่อนได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างถึงรากลึกในประเทศ ซึ่งมีประชากรมากที่สุดในโลกแห่งนี้ การเปลี่ยนแปลงนั้นมากมายระดับไหน? ลองมาดูสถิติเปรียบเทียบกัน เศรษฐกิจ : ทุกวันนี้จีนเป็นมหาอำนาจชาติหนึ่งในโลก สาเหตุหลัก เนื่องมาจากเศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนด้วยสินค้าส่งออกจำนวนมหึมา และพญามังกรกำลังจะแซงหน้าเยอรมนี กลายเป็นชาติเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก เมื่อมองย้อนกลับไป นับตั้งแต่ปี 2521 จะเห็นว่ามันเป็นเส้นทางที่ยาวไกล โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพีของปีนั้น เมื่อคิดตามมูลค่าปัจจุบันอยู่ที่ 364,500 ล้านหยวน แต่ในปี2550 จีดีพีโตขึ้นถึง 68 เท่า เป็น 25.1 ล้านล้านหยวน การค้ากับต่างชาติ : ตัวเลขการค้ากับต่างชาติทำให้เห็นการผงาดของจีนราวกับหนังอภินิหาร ยอดการค้าของจีนกับต่างชาติในปี 2521 มีมูลค่า 20,600 ล้านดอลลาร์ โดยจีนขาดดุลการค้า 1,100 ล้านดอลลาร์ แต่ยอดการค้ากับต่างชาติในปี 2550 โตถึง 105 เท่าเป็น 2.17 ล้านล้านดอลลาร์ และการขาดดุลกลับกลายเป็นการเกินดุลอย่างมหาศาลจำนวน 262,000ล้านดอลลาร์ การศึกษา : การศึกษาเคยเป็นเรื่องอิสระไม่มีการบังคับในหลายเมือง แต่หลายปีภายหลังจากลงมือปฏิรูป การศึกษากลายเป็นรายจ่ายก้อนโตสำหรับหลายครอบครัว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการศึกษาเฟื่องฟูขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในระดับมหาวิทยาลัย ในปี 2521 มีผู้เดินออกจากมหาวิทยาลัย พร้อมปริญญาบัตร ที่สูงกว่าปริญญาตรีเพียง 9 คน แต่พอถึงปี2550 แทบไม่น่าเชื่อว่า ตัวเลขจะพุ่งสูงได้ถึง 311,839 คน ประชากร : ตอนที่เริ่มการปฏิรูป จีนมีพลเมืองมากที่สุดในโลกจำนวน 963 ล้านคน ทุกวันนี้ ก็ยังครองตำแหน่งดังกล่าว โดยในปี 2550 มีพลเมืองมากถึง 1,320 ล้านคน ทว่าก็มีแนวโน้ม ที่อินเดียอาจแซงหน้าจีนภายในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า เหตุผลหลัก ก็เนื่องจากจีนใช้นโยบายลูกคนเดียว ซึ่งลดอัตราการเติบโตของประชากรจากร้อยละ 1.2 ต่อปีในปี 2521 เป็นร้อยละ0.5 ในปัจจุบัน การจ้างงาน : เมื่อสมัยปี 2521 นั้น มีชาวจีนประกอบอาชีพอิสระ 150,000 คน โดยทั่ว ๆ ไปก็ค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเป็นช่างซ่อม ยังไม่มีชาวจีนคนใดเป็นลูกจ้างธุรกิจเอกชน พอในปี 2550 จำนวนชาวจีนที่ทำงานเป็นลูกจ้างธุรกิจเอกชน หรือทำงานอิสระเพิ่มถึง 127 ล้าน 5 แสนคน รายได้ :ชาวจีนที่อาศัยในเมืองและชนบทต่างได้รับประโยชน์จากการปฏิรูป โดยในปี 2521ครอบครัวในเมืองมีรายได้ใช้จ่ายต่อปีโดยเฉลี่ย 343.4 หยวน ขณะที่ในปี 2550 อยู่ที่ 13,786 หยวน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 40 เท่า ส่วนครอบครัวในชนบท เพิ่มขึ้น 31 เท่า จาก 133.6 หยวน เป็น 4,140 หยวนบ้านอาศัย :ชาวจีนเคยต้องอาศัยกันอย่างแออัดภายในห้องเช่าแคบๆ สภาพเช่นนี้ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน แต่ครอบครัวคนชั้นกลาง ซึ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ก็ได้อาศัยในบ้านช่องที่สบายกว่าเดิม เนื่องจากการเคหะของจีนเจริญเติบโตอย่างมาก ซึ่งนับเป็นการเติบโตครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ โดยในปี 2521 คนในเมืองมีที่อยู่อาศัยโดยเฉลี่ย 6.7 ตารางเมตร (72 ตารางฟุต) แต่ในปี 2549 ซึ่งเป็นตัวเลขล่าสุดที่มีอยู่ พื้นที่อาศัยโดยเฉลี่ยขยายเป็น 27.1 ตารางเมตร (291 ตารางฟุต)ประชากรสูงอายุ :ในปี 2524 คาดว่าผู้หญิงจีนมีอายุยืนยาวโดยเฉลี่ย 69.3 ปี ขณะที่ในปี 2543 คาดว่าผู้หญิงจีนมีอายุยืนยาวโดยเฉลี่ย 73.3 ปี ส่วนผู้ชายเฉลี่ย 66.3 ปีในปี 2524 และ 69.6 ปีในปี2543 เห็นได้ว่าตัวเลขไม่เพิ่มมากนัก ซึ่งสะท้อนว่า จีนมีการดูแลสุขอนามัยขั้นพื้นฐานให้แก่ประชาชนอย่างกว้างขวางพอสมควรในยุคก่อนหน้าการปฏิรูป | ||
21/11/2008
<< Le chocolat parle cru >>
Vocabulaire
Le chocolat parle cru | ||
04/10/2008
Un peu d'argot
Un peu d'argot | ||